I've changed. I didn't realize it until someone said to me, “you
were in America for just 3 years, don’t act like you've been there for 10 years.”
ฉันเปลี่ยนเป็นคนใหม่โดยที่ฉันไม่รู้ตัว จนมีคนมาบอกกับฉันว่า “เธออยู่อเมริกามาแค่สามปี
อย่าทำเหมือนเคยอยู่มาเป็นสิบปี”
What really hurts was that that person knew me.
มันเจ็บปวดมาก เพราะคนที่พูดประโยคนั้นเป็นคนที่รู้จักฉัน
Well, my reply is America didn't change me – God did.
คำพูดที่อยากตอบสนองคือ อเมริกาไม่ได้เปลี่ยนฉันหรอก แต่พระเจ้าต่างหาก
ที่เปลี่ยนแปลงฉัน
He changed me, in a way that I couldn't imagine anything or anyone could.
พระเจ้าเปลี่ยนแปลงฉันในทางที่ฉันไม่คิดว่าสิ่งไหนหรือใครคนไหนจะเปลี่ยนได้
All I used to care about was myself. I didn't know how to
forgive; I only knew how to “forget” it and take on revenge later. I don’t know
how to ask; I only knew how to take it when I see it. I don’t know how to love;
I only know how to get attention from people and make them do the things I
want.
สิ่งฉันเคยแคร์คือตัวฉันเอง ฉันไม่รู้จักการให้อภัย
ฉันรู้แค่การลืมและการแก้แค้น ฉันไม่รู้จักการขอ ฉันรู้แค่การเห็นในสิ่งที่อยากได้และทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้มันมา
ฉันไม่รู้จักการรัก ฉันรู้แค่วิธีที่จะให้คนสนใจฉันและทำให้พวกเขาทำให้สิ่งที่ฉันต้องการ
It was sickening.
มันเป็นอะไรที่น่าขยาดขแยง
For the longest time, there was a hole in my heart that
wanted to be filled. I tried to fulfill my emptiness with friends, boyfriends,
money, fame and “love”. But no matter how I filled it up, the hole seems to get
bigger and it eating me inside. I felt lonely, hopeless and full of disappointment.
ที่ผ่านมา ฉันมีช่องว่างในดวงใจที่ต้องการเติมเต็ม ฉันเลยเอาสิ่งของทางโลกมาเติมเต็มความว่างเปล่าของฉัน
เช่น เพื่อน แฟน เงิน ชื่อเสียง และความรักจอมปลอม แต่ไม่ว่าฉันจะพยายามเติมเต็มจิตใจฉันแค่ไหน
ช่องว่างนั้นก็เหมือนจะขยายไปเรื่อยๆ และกัดกินจิตใจฉันจากข้างใน ฉันรู้สึกเหงา อ้างว้าง
และผิดหวัง
I chased after attention for people, not knowing that there
is a God who cares for me, who would pick me up when I fall… who would love me
because I’m me. As I cried at night, He was there next to me… I just didn't see
Him.
ฉันพยายามเรียกร้องความเห็นใจจากคนอื่น โดยที่ไม่รู้ว่า มีพระเจ้าที่ห่วงใยฉัน
ที่จะยกฉันขึ้นในวันที่ฉันล้มลง ที่จะรักฉันเพราะฉันเป็นฉัน ตอนที่ฉันร้องไห้ในเวลากลางคืน
พระองค์ทรงอยู่ข้างๆ ฉัน ฉันแค่ไม่ได้มองหาพระองค์
But I open up my heart to God on February 7th,
2011. That day, I finally understood why Jesus died on the cross for me. I was
a sinner. But He loves me so much that he would die for me so I
could stay with him in Heaven. He is perfect, yet He loves someone like me. He fulfilled the emptiness in my heart. Everything
single horrible thing that I've done was forgiven. I don’t deserve this, but by
His grace, I am saved!
แต่ฉันได้เปิดใจให้พระเจ้าในวันที่ ๗ เดือน กุภาพันธ์ ปีที่แล้ว
วันนั้นฉันได้เข้าใจว่าทำไมพระเยซูถึงตายบนไม้กางเขนเพื่อฉัน ฉันเป็นคนบาป
แต่พระองค์ทรงรักฉันมากถึงขนาดตายเพื่อฉันจะได้ไปอยู่บนสวรรค์กับพระองค์
พระองค์เพรียบพร้อมเพอเฟกท์ แต่พระองค์ก็ยังรักคนอย่างฉัน พระเจ้าได้ทรงเติมเต็มช่องว่างในจิตใจฉัน สิ่งเลวร้ายที่ฉันเคยทำมา
ฉันไม่มีสิทธ์ที่จะร้องขอ แต่เพราะความเมตตา ฉันเลยได้รับความรอด
My heart was changed.
หัวใจฉันได้รับการเปลี่ยนแปลง
It’s like He wrote in my heart that He loves me and that He
would never let go of me; a lost lamb
that was found. A verse that I kept in my heart is Psalm 73: 25-26, “whom have I in
Heaven but you? And there is nothing on earth that I desire besides you. My
flesh and my heart may fail, but God is the strength of my heart and my portion
forever.”
เหมือนพระองค์เขียนในใจฉันว่า
พระองค์รักฉันและจะไม่มีวันปล่อยมือฉันไป เหมือนแกะที่หลงหายแต่พระองค์ทรงหาค้นจนเจอ
ข้อพระคำภีที่หนุนใจฉันก็คือ สดุดีบทที่ ๗๓ ข้อที่ ๒๕ ถึง ๒๖, “นอกจากพระองค์ ข้าพระองค์มิมีผู้ใดในฟ้าสวรรค์
นอกจากพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ไม่ปรารถณาผู้ใดในโลก
เนื้อหนังและจิตใจของข้าพระองค์จะวายไป แต่พระเจ้าทรงเป็นกำลังใจของข้าพระองค์
และเป็นส่วนของข้าพระองค์เป็นนิตย์”
So yes, I've changed. I’m not that same girl anymore.
เพราะฉะนั้น ใช่แล้ว
ฉันเป็นฉันคนใหม่ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงคนเดิมอีกต่อไป
But just
because of that doesn't mean I don’t sin. I still do make mistake every day.
But because God is by my side…
แต่ถึงกระนั้น
ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่ได้ทำบาป ฉันน่ะ ทำผิดพลาดทุกวัน
แต่เพราะพระเจ้าทรงอยู่ข้างๆ ฉัน...
I’ve learned
to forgive just as Christ forgave me.
ฉันจึงเรียนรู้ที่จะให้อภัยเหมือนที่พระเจ้าให้อภัยฉัน
I've learned
to serve just as Jesus came to serve, not to be served.
ฉันจึงเรียนรู้ที่จะรับใช้
เหมือนที่พระเยซูมาไม่ใช่เพื่อจะถูกคนรับใช้ แต่เพื่อที่จะรับใช้เรา
I've learn to
be patience just as God have patience with me.
ฉันจึงเรียนรู้ที่จะมีความใจเย็น
เหมือนที่พระเจ้าทรงใจเย็นฉัน
I've learn to
love, just as Christ love me.
ฉันจึงเรียนรู้ที่จะรัก
เหมือนที่พระเจ้ารักฉัน
So, I won’t
care if people put me down because I’m different. I’m going to do my best to serve God and learn
from Him. I’m not going to let anyone bring down God’s name. I’m going to share
God’s love to all.
เพราะฉะนั้น ฉันจะไม่สนใจคนรอบข้างที่ทำให้ฉันเสียใจเพราะฉันไม่เหมือนคนอื่น
ฉันจะพยายามให้ถึงที่สุดที่จะรับใช้พระเจ้าและเรียนรู้จากพระองค์
ฉันจะไม่ยอมให้ใครลากชื่อของพระเจ้าลงมาเปลอะดิน ฉันจะแบ่งปันความรักพระเจ้าให้พวกคุณเห็น
Much..much..love – ด้วยความรักมากมาย,
Gemma – เจมม่า
Oh Jemimah...
ReplyDeletethis is the most beautiful thing I've read in a long time.
I've got goosebumps on my arms.
Thank you so much for reminding me of this.
Your testimony is beautiful and I needed to hear it this morning.
I love you. And miss you.
And that ending you wrote is the most important thing... no matter what, doing your best to show God's love. To everyone.
Thank you...
xoxo, Anna
Jemimah, you are a beautiful daughter of the King and a wonderful representative of Him. Thank you for sharing His great love with everyone. I love you and miss you, sweet girl! Praying for you here in the U.S.
ReplyDeleteThis is so amazing! I'm sharing With everyone!
ReplyDelete