Tuesday, July 15, 2014

ดีพอไหม

        เคยคิดว่าตัวเองไม่ดีพอไหม? เคยคิดว่าตัวเองไม่มีทางทำอะไรได้ในชีวิตไหม? เคยคิดว่าตัวเองไร้ค่าไหม? เคยคิดว่าตัวเองทำอะไรก็ไม่สำเร็จและต้องพึ่งคนอื่นไหม?
        งั้นลองฟังเรื่องของม่าไหมละ...
        มันก็ผ่านมาไม่นานอ่ะนะ ที่ม่าได้เป็นนักเรียนในรั้วมัธยม แม้ว่าม่าจะใช้เวลานั้นอยู่ที่อเมริกา แต่วัยรุ่นมันก็เหมือนกันทุกที่แหละเนอะ มานึกๆ ดูแล้ว ตอนที่ม่าอยู่ม.ต้นกะม.ปลายน่ะ มันไม่เหมือนกันเลย
        ตอนม.ต้น ม่าเรียนอยู่ที่เมืองไทย ตอนนั้น เป็นเด็กที่ไม่เหมือนคนอื่นเลย ภาษาเหนือก็พูดไม่เก่ง พูดไทยยังไม่ค่อยชัดเลย อ่ะนะ มีเพื่อนเยอะก็จริง แต่เข้ากับใครไม่ค่อยได้ เพื่อนสนิทจริงๆ น่ะ นับด้วยมือข้างเดียวยังได้เลยแหละ แถมตอนที่ได้รู้จักกับเพื่อนสนิทน่ะ ม่าแกล้งเค้ามากเลย เพื่อนคนนั้นชื่อว่าจี ตอนม.1 ม่าคบกับเพื่อนๆ ที่เคยเรียนอยู่ประถม แล้วก็ช่วยกันล้อจีกะฝาแฝดของจีที่ชื่อแจน เราชอบเรียกเขาว่า จานชาม ตลกดีนะ เราแกล้งเขาจนเขาโกธร แต่เป็นเพราะอะไรก็ไม่รู้ ที่ทำให้เรามาเป็นเพื่อนกัน อาจจะเป็นเพราะเพื่อนที่เคยรู้จัก มาบอกว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยเห็นเราเป็นเพื่อนเลย อาจจะเป็นเพราะม่ามันเข้าคนไม่ได้ แต่สุดท้ายแล้ว จีก็รับเราเป็นเพื่อน
        ม.ต้นอ่ะ ม่าจำได้ไม่เยอะเท่าไร จับได้เป็นภาพๆ น่ะ จำตอนที่ม่านั่งร้องไห้กับจีที่หน้าห้องภาษาไทยตอนที่โดนเพื่อนแกล้ง จำตอนที่ม่าวิ่งไล่จับกับเพื่อนชื่อกอล์ฟทั้งอาคาร จำตอนที่โกธรกับจีแล้วม่าเบื่อที่จะต้องไปง้อตลอด เลยโกธรกันเป็นอาทิตย์ แต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปง้อ จำตอนที่เพื่อนๆ ใน 'แก๊งค์' มาทำงานที่บ้าน แล้วม่าก็ทำเรื่องอันน่าอับอายที่สุดแต่ไม่มีใครรู้ยกเว้นเพื่อนสามคนนั้น จำตอนที่โดนครูเรย์ ครูที่ดุที่สุดในโรงเรียนตีเพราะแอบเอาเครื่องสำอางไปโรงเรียน จำตอนที่ไล่ยืมแบตของเพื่อนๆ ในวันสอบตีแบต จำตอนที่เล่น hi5 แล้วก็พยายามแอดคนเยอะๆ จำตอนที่เต๊ะเพื่อนในห้องคนหนึ่งเพียงเพราะมันหล่อจนหน้าหมั่นไส้แต่เราเขิน เลยเต๊ะซะ ฮ่าๆ จำตอนงานกีฬาสี ที่ม่าไปรอเขาแต่งหน้าให้ตั้งแต่เที่ยงคืนแล้วก็ต้องรอจนถึงแปดโมงเช้า ถึงได้แต่ง จำตอนที่พี่ปลาไปหาครูแทนพ่อแม่ แล้วเพื่อนในห้องกลัวกัน ฮ่าๆ จำตอนที่หลับในคาบจนครูที่สอนปล่อยให้หลับจนเลยคาบเที่ยง แล้วทุกๆ วัน ม่าก็จะกินเมนูเดิมๆ คือ ลาบ ผัดลูกชิ้น และ แคบหมูพริกเผา บางวันก็อาจจะกินก๋วยเตี๋ยวหมี่เหลือง แต่ก็มีแค่สองอย่างนี้แหละ 
        เวลาผ่านไปเร็วมากอ่ะ แปปๆ ก็ม.ปลาย ได้มีโอกาสไปเรียนที่อเมริกา ได้ทำอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยทำ เช่น ชมรมการแสดง เรียนร้องเพลง เข้าชมรมหนังสือพิมพ์โรงเรียน เป็นกัปตันทีมฟุตบอล เข้าทีมเต้นของโรงเรียน เข้าค่ายอาสาสมัครที่ประเทศแม็คสิโกกับโดมินิกัน รีพัพริค เรียนแต่งเพลง เรียนศิลปะ เรียนเย็บจักร และ อีกหลายอย่าง ลองหมด แต่เหมือนม.ต้น ม่าก็ไม่ได้ให้การเรียนเต็มร้อย 
        ไม่ว่าจะวิชาอะไร ม่าก็หาทางทำอย่างอื่น เช่น คุยกะเพื่อน เล่นกะแฟน อ่านหนังสือ ฟังเพลง กินขนม ซึ่งผลที่ได้กลับมาคือ คะแนนที่ไม่เต็มร้อยเช่นกัน
         ได้มองย้อนกลับไปแล้ว ม่าควรทำได้ดีกว่านี้ จริงๆ ม่าก็ไม่คิดว่าตัวเองโง่ แต่ขาดการคิดว่าตัวเองทำได้มากกว่า ตัวอย่างเช่น ม่าเกลียดคณิตมาก แต่พอทำความเข้าใจแล้ว กลับคิดว่ามันสนุก ตลกไหมละ วิทยาศาสตร์ที่ม่าไม่ชอบนักหนาตอนม.ต้น กลับเป็นหนึ่งในวิชาที่ม่าชอบที่สุด วิชานั้น ม่าจะตื่นเต้นทุกครั้งที่เข้าเรียน ยิ่งวิชาที่ต้องทดลอง โอ๊ยยยย! สนุกที่สุด ถึงขนาดร้องเพลงธาตุอ่ะ คิดดู (หาฟังได้ที่อินสตาแกรมนะ ไอดี khungemma) แต่ที่ทำให้ม่าแปลกใจมากที่สุดคงเป็นวิชาศิลปะ ตอนม.ต้น ม่าจะจ้าง (ใช้) จีให้ทำงานส่งครู เพราะคิดว่าทำเองไม่ได้ แต่พอได้มาลองวาดรูป ลองจับภูกันแล้ว แม้ว่ารูปจะไม่สวยงามที่สุดแต่มันก็คือความภูมิใจอย่างหนึ่ง ที่สิ่งที่ได้จินตนาการ สามารถถ่ายทอดออกมาได้ 
        ซึ่งผลก็มาจากการที่ม่าลองเข้าชมรมต่างๆ ที่ไม่เคยลองมาก่อน แม้ว่าตอนแรกๆ ม่าคิดว่ามันอาจจะไม่ได้ผล แต่พอม่าคิดซะว่า ถ้าลองแล้วชอบมาก็ดี แต่ถ้าไม่ชอบก็ลองอย่างอื่น มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะคนอื่นแนะ แต่เกิดขึ้นเพราะการตัดสินใจของตัวม่าเองต่างหาก เพราะฉะนั้น อย่ารอให้มันถึง 'เวลา'
และ อย่ารอให้โอกาสมา แต่เปิดโอกาสให้ตัวเอง อย่าคิดว่าเราทำไม่ได้ เพียงเพราะเราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น มันต้องมีสักอย่างแหละ ที่เราเก่ง ไม่ว่าจะเป็น การร้องเพลง การแสดง การเล่นดนตรี การทำอาหาร การพูด แม้แต่การฟัง ใช่ บางคนก็เป็นผู้ฟังที่ดีนะ นั้นก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่งเหมือนกัน จริงไหม?
         ลองมองรอบๆ ตัวสิ ที่เราคิดว่าเราทำไม่ได้น่ะ มันเป็นเพราะอะไร เป็นเพราะฟังคนอื่นหรือเปล่า งั้นก็ถอยห่างจากคนๆ นั้นซะ เป็นเพราะเรามัวแต่ใช้เวลาจิ้มหน้าจอ อยู่กับอินเตอร์เน็ตหรือเปล่า งั้นก็วางลงซะ แล้วออกไปข้างนอก ไม่พึ่งคิดว่า เราทำไม่ได้หากเรายังไม่ได้ลองนะ 
         อะไรที่ผ่านมาแล้ว ก็ถือซะว่ามันเป็นอดีตแล้วก็นำประโยชน์ที่ได้กับมัน มาใช้ และ บอกต่อกับคนอื่นๆ อย่าคิด ว่าเราไม่ดีพอ คนอื่นจะสวยจะหล่อจะดีแค่ไหนก็ช่างเขา อย่าเอาเขามาเปรียบเทียบกับตนเอง แค่เราคิดว่าเราฉลาดพอ ดีพอ สวยหล่อพอ ก็ดีที่สุดแล้วละ มีความมั่นใจในตัวเองซะ 
         เราทำได้อยู่แล้ว ทำได้แน่นอน เราต้องสู้ต่อไป ลองอะไรไหมๆ ค้นหาสิ่งที่เรารักและก็ทุ่มเทกับมัน เนอะ ^^

ด้วยรักมากมาย

เจมม่า

2 comments:

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...